ก่อนผมสมัครสมาชิก ผมตั้งความคาดหวังไว้สูงเสียดฟ้า แต่สิ่งที่ได้รับมันยังไปไกลยิ่งกว่านั้น

พูดตามตรง ผมไม่เคยจ่ายเงินหลักหมื่น แล้วคุ้มง่าย คุ้มมาก คุ้มไว ขนาดนี้โดยเฉพาะกับอะไรที่เป็นประโยชน์

เท่าที่ผมฟัง feedback จากเพื่อนๆ ใน Master Mind Meeting กว่าหนึ่งร้อยคน ไม่มีใครที่จ่ายแล้วรู้สึกว่า "สิ่งที่ได้รับน้อยเกินไป ไม่คุ้ม หรือต่ำกว่าความคาดหวัง" อันที่จริงมันตรงข้ามเลย

ถ้าท่านจะจ่ายหลักหมื่นเพื่อสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ท่านย่อมมีสิทธิ์สงสัย

ว่า OHMPIANG TRANSFORMATION "จะเหมาะกับฉันไหม เหมาะกับฉันจริงๆ รึเปล่า?"  

หากท่านเป็นคนๆนึงที่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับ 'สติปัญญา' 'ความเชื่อ' 'ศรัทธา'  หรือท่านเป็นผู้ที่เสาะแสวงหา 'ปัญญา' และ 'ศรัทธา' มาช้านาน  

ผมยืนยันกับท่านได้ว่า คำตอบจะมาหาท่านใน OHMPIANG TRANSFORMATION และมันจะมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ทุกเรื่องราวในไม่กี่ชั่วโมงของ OT Master Mind Meeting ทำให้ผมเห็นเลยว่า นี่แหล่ะคือทางสว่างที่แท้จริง มันเบาใจ เบากาย เห็นทางสว่าง มันคือเรื่องวิทยาศาสตร์ที่จับได้จริงๆ ขอบคุณครับ

ผมขอเริ่มต้นการรีวิวนี้ ด้วยการกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” จากส่วนลึกของจิตใจ... ขอบคุณที่อาจารย์ให้โอกาสผมเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก OT คืนวันอาทิตย์ และกลุ่ม Master Mind ในคืนวันพฤหัสบดี ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มีคุณค่า มีความหมายกับชีวิตของผมมาก และผมรู้ดีว่าพลังงานที่ผมได้รับอย่างสม่ำเสมอจากอาจารย์และเพื่อนสมาชิก จะพาผมไปสู่เส้นทางของความสุข ความสำเร็จอย่างที่ใจผมปรารถนามาตลอดได้อย่างแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมาตลอด คือ ความจริงที่ว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ และการที่ผมได้มาพบเจอกับหนังสือของอาจารย์ ได้มีส่วนร่วมและเป็นลูกศิษย์คนนึงของอาจารย์ (ผมปวารณาตัวเองไปเรียบร้อยแล้วครับ แม้อาจารย์จะยังไม่ได้บอกรับด้วยคำพูดก็ตาม 😊) ผมถือว่านี่คือ “บุญสัมพันธ์” กันอย่างแน่นอน มันรู้สึกราวกับว่าผมได้เจอแล้ว... หนทางที่จะทำให้พบความสงบสุข มีแรงบันดาลใจ และคำชี้แนะของครูบาอาจารย์ที่จะช่วยประคับประคองให้ผมไปต่อในทิศทางที่ถูกต้องเสมอ

พลังงานและความรู้ ที่ผมได้รับจาก OT และกลุ่ม Master Mind นั้นมากมายเกินกว่าที่ผมเคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิต เหมือนใจมันตอบตัวเองได้แล้วว่า นี่คือสิ่งที่เราตามหามาตลอด

ที่ผ่านมา ผมเพียรศึกษา ลงคอร์สพัฒนาตัวเอง และร่ำเรียนกับครูบาอาจารย์มาก็มาก ทั้งหมดนั้น... นำพาผมให้มาอยู่ในจุดนี้ จุดที่ผมไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาความรู้ และครูบาอาจารย์ที่ไหนอีกแล้ว เป็นจุดที่ผมสามารถที่จะวางใจ และเลือกโฟกัสไปตามแนวทางที่ถูกต้อง-ลัดสั้น และเรียบง่ายนี้ นำไปใช้ได้จริงตลอดชีวิต

ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองอีกครั้ง ที่ตัดสินใจถูกตั้งแต่แรกที่พาตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งในสังคมแห่งผู้มั่งคั่งและตื่นรู้แห่งนี้ ขอบคุณอาจารย์เจษและเพื่อนสมาชิก OT และ กลุ่ม Master Mind ที่ตามหาผมจนเจอ วันนี้ผมเหมือนได้กลับมาถึงบ้านอันแท้จริงของผมแล้ว ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

เมื่อวานเพิ่งได้มี

โอกาสเข้า meeting OT ครั้งแรก

น่าจะเป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้วที่คอย

ติดตามอาจารย์เจษอย่างเงียบๆ

ก่อนเจออาจารย์เจษผมก็อ่านหนังสือแนวๆพัฒนาตัวเองเยอะพอสมควรเหมือนกันนะครับ ยืนยันว่าเจออาจารย์แล้วอ่านหนังสือน้อยลงจริงๆๆ แต่อ่านของโอมเพี้ยงซ้ำไปซ้ำมามากขึ้น 

สิ่งที่มันสะบึมไปทั้งโลกธาตุของผม

คือ ผมได้ตั้งเป้าหมายตามที่อาจารย์บอกไว้ในคอร์ส The Freedom Freelance Blueprint ว่า

“ทำไงก็ได้ ให้มีรายได้ทุกๆวัน

จะ 20 บาท จะ 100 บาท จะ 1,000 ก็เงิน“

ผมเลยเอาไปเขียนในสมุดของผมว่า … ฉันมีรายได้เข้ามาทุกๆวัน อย่างง่ายๆสบายๆ เป็นอีก 1 เป้าหมาย

ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณ 4-5 เดือนหลังจากนั้น คุณป้าของแฟนโทร

บอกว่า  มาช่วยป้าขายของที่ร้าน

ของชำหน่อยป้าแก่แล้ว ป้าทำไม่ไหวแล้ว ถ้าทำได้ยกร้านให้เลย

แฟนทำงานประจำเลยให้ผมมาทำแทน ซึ่งผมมีเวลาพอที่จะทำตรงนี้พอดี ผมไม่เคยขายของชำมาก่อน แต่เมื่อมีโอกาสเข้าเลยลองทำดู ไม่มีอะไรเสียหาย

ตอนนี้ร้านก็ตกเป็นของผม เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ทำให้ผมมีรายได้ทุกๆวัน ตามที่เขียนไว้ โดยที่ผม

ไม่ต้องลงทุนตัวเลยสักบาทเดียว เพราะป้าให้ขายของไปผ่อนใช้ไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด 

ตอนนี้ผมเริ่มโคลนนิ่งตัวเองแล้ว

เพื่อที่ผมจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น

มากขึ้น เด่วจะเสียชื่อลูกศิษย์จารย์เจษ 555

ขอบคุณอาจารย์เจษที่ทำให้ผมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป

ช่วงเช้าที่ผ่านมา น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สงบใจที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา

มันเหมือนที่ผ่านมาผมต้องเหนื่อยกับการทำตามอารมณ์และความคิดเล็กๆน้อยๆ แต่เมื่อคืนบวกกับเมื่อเช้า มันเหมือนผมต่อปลั๊กชาร์จให้ข้างในของผม

ผมรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่ผมจะทำต่อไปนี้ มันน่าจะง่ายขึ้น ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกว่าเก่ง แต่เพราะผมรู้สึกว่ามันมีพลัง มันไม่เหนื่อยใจเหมือนทุกวันที่ตื่นมาเจอตลอดหลายปี

ขอบคุณอาจารย์มากจริงๆครับ ที่เอาวิชานี้มาแบ่งปัน มันช่วยผมได้มากจริงๆ อย่างน้อยก็ทำให้ผมจำพลังงานของตัวเองได้ ในวันที่เริ่มต้นทำธุรกิจ พลังที่มาจากข้างใน มันดีมากจริงๆครับ

ทุกคนเกิดมาพร้อมกับอาวุธที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว เราจะเป็นไปตามในสิ่งที่เราคิด 🤔🧠
“หว่านพืชเช่นไร ..ย่อมได้สิ่งนั้น” 🌾

🎯 เริ่มต้นที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจริงๆ 
แล้วปลูกเป้าหมายนั้นลงไปในจิต

ปิดทุกประตูที่ทำให้เราแพ้ หรือยอมจำนน มีความสุข คิดบวก ปล่อยวาง (นิ่ง • สงบ • มีพลัง) และทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่ต้องคาดหวังผล

ปล่อยเรื่องยากๆ ให้จักรวาลทำงานให้ 

ชอบอีพีนี้มากเลยค่ะ เห็นภาพมากๆ 💗💗💗
ขอบคุณ อ. เจษมากๆ นะคะ จะกลับมาฟังอีพีนี้บ่อยๆ เลย

ขอขอบคุณจิตดวงที่ 3 ค่ะ🥰

วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เข้ากลุ่ม master mind TAGR เชื่อว่า วันนี้ทุกคนคงรู้สึกเหมือนกันถึง"พลังของกลุ่ม"ค่ะ

ได้ไอเดียเยอะมากกก ขอบคุณทุกคนที่แชร์นะค่ะ เยี่ยมสุดๆไปเลยค่ะ ได้ยินอ.เจษพูดถึง"บทปฐมนิเทศ" ก็รู้สึกอยากฟัง

เสร็จภารกิจนั่งสมาธิ silva (Day12) ก็เอะใจหันไปเห็น master mind #0 ว่ายังไม่เคยเปิดฟัง ด้วยปกติเป็นคนเล่นโทร.ไม่ได้ รู้เรื่อง IT จัดว่าน้อยได้ค่ะ ใช้พื้นฐานจริงไป

ก็เลยเพิ่งเข้าใจว่าเป็นบทปฐมของกลุ่ม OT พอเปิดเข้าไปฟัง ถือว่าเป็นการตอกย้ำทุกไอเดียที่ได้จากกลุ่ม TAGR ชัดเจนมากค่ะ

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนนำมาซึ่งแผนการ  ไอเดีย สำคัญกว่าความรู้
เรียนเพื่อจะรวย ไม่ใช่เพื่อรู้ (ไม่ก่อให้เกิดรายได้)

หยุดคือสำเร็จ (หลวงปู่สด วัดปากน้ำ)

แหล่งของความรู้ คือตัวเราเอง (เรามีอะไร และอยากได้อะไร) ซึ่งก็พบว่าจริงๆมันอยู่ตรงหน้าเรานั่นแหละ จองหนังสือ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition ตั้งเปิดตัว ฟังจบไปแต่กลับเข้ากลุ่มไม่เป็น 555 จนเกือบลืมสมัคร OT โชคดีที่คุณหมอสาเตือน (อันนี้ก็เชื่อว่าเป็นผลจากจิตดวงที่ 3ค่ะ😄) และได้เข้ากลุ่ม OT ก่อนทั้งๆที่สมัครหลังแท้ๆค่ะ

สมาธิ เห็นผลลัพธ์ได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงของน้องกาย เป็นกำลังใจให้นะคะ 👍

อดไม่ได้ที่จะขอบคุณน้องมีนา (สาวน้อยพลังบริสุทธิ์) ทุกๆคนที่เข้าปฐมนิเทศ #0 เป็นพิเศษ และกัลยาณมิตรทุกคนในกลุ่ม master mind

ผ่านการเดินทาง ประสบการณ์ในจิต การนั่งสมาธิแบบ The Original Silva Mind Control เป็นเวลาเกือบ10วัน
เป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ

หากเปรียบเทียบกับช่วงแรก 
ตอนวันที่1-2 มีปัญหากับตัวเองเยอะมากๆ นั่นคือ เรื่องของเสียงเอฟเฟกต์ที่อาจารย์เปิดคลอตลอดขณะทำสมาธิ เสียงนั้นทำให้หงุดหงิด นั่งแทบไม่ติดกันเลยทีเดียว ผ่านมาถึงวันนี้ ได้บทเรียนอะไรมากๆเลยค่ะ

 
1.เสียงนั้นไม่มีปัญหากับเราอีกต่อไปแล้ว
เพราะปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เสียงแต่เป็นตัวเราที่ไม่นิ่งมากพอ พออยู่กับมันทุกวัน ขัดเกลา ตัวเองบ่อยๆ ก็เริ่มจับทางได้ถูกว่าอะไรคือ สิ่งที่เราต้องโฟกัส

2.ตลอดระยะเวลาในการนั่ง มันมีวันที่นั่งได้ดีและมันมีวันที่นั่งไม่ค่อยดี สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การรู้จักให้อภัย เมตตาตัวเอง และไม่โทษตัวเอง แต่กลับรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจปฏิบัติ และยังเชื่อในกระบวนการเสมอ รู้สึกตัวก็กลับมาตามเสียงอาจารย์ไป ทำให้เราเข้าใจ การใช้ชีวิตมากขึ้น ออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่ยังกลับมาอยู่ในลู่ได้ตลอด

3.เวลามีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ 
เราตระหนักได้เร็วขึ้น หายใจเข้า-ออก แล้วกลับมาที่เลข 3 เพื่อดึงสติให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เออ เราก็ทำได้นะ มองเห็นตัวเองว่าจะเลือกอยู่ในสถานการณ์ไหน มันเหมือนว่า เราเป็นคนพลิกเกมส์ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่จมอยู่กับสิ่งนั้นนาน แล้วไม่นานก็พบทางออก

4.หลังจากนั่งสมาธิ เวลาออกไปทำงาน มันมีพลัง สดใส มองเห็นสิ่งดีรอบตัวมากขึ้น เก็บทุกแต้มบวกในการทำงาน เลือดลมในตัวสูบฉีด จับสัญญาณได้ดีว่าจังหวะไหนควรทำอะไร กล้าลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ 

ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีกับตัวเองมากค่ะ ฝึกแบบนี้ มันทำให้เข้าใจตัวเองในแบบปุถุชนคนธรรมดา ทั่วๆ ไป ที่เห็นตัวเอง รู้จักตัวเองในด้านดี และเข้าใจตัวเองมากขึ้นแม้ในวันที่ผลลัพธ์มันไม่เป็นอย่างใจต้องการ แต่สุดท้ายถ้าเราผ่านกระบวนการการฝึกแบบนี้ได้ เชื่อเลยว่า เราคือ คนไม่ธรรมดา แน่นอน 

ขอบคุณกระบวนการทางสายกลางแบบนี้ค่ะเข้าใจโลกและเข้าใจตัวเอง นี่คือ วิธีการฝึกรับมือแบบยอดมนุษย์จริงๆ

ยิ่งพบเจออาจารย์เจษ ชีวิตมีแต่ดีขึ้นมากๆเลยค่ะ ขอบคุณอาจารย์สุดหัวใจค่ะ 🙏