7 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจที่ผมเคยหลงกล
วินาทีที่คุณบอกคนรอบตัวว่ากำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ (ยกเว้นพ่อแม่) คุณเตรียมคาดหวังได้เลยว่า พวกเขาจะมองคุณด้วยสายตาชื่นชมแกมอิจฉา ในขณะที่ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่ลึกๆแล้วรู้สึกหวิวๆปนเสียวไส้ และกังวลไปซะทุกอย่างทั้งๆที่มันยังไม่เกิดขึ้น (ผมเข้าใจเพราะผมก็เป็นแบบนั้นแหละ)
ในขณะที่กระแสเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย
เรื่องเล่าอันน่าสะพรึงกลัวปนหวาดเสียวของผู้มีประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีก็มีมากตามเช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นจะต้องเป็นจริงสำหรับเราเสมอไป เพราะหลังจากที่ตัวผมเองมีประสบการณ์กับธุรกิจตัวเองมาหลายปีแล้ว พอมองย้อนกลับไปมันมีความเชื่อแปลกๆที่ผมและเจ้าของธุรกิจที่รู้จักเคยเชื่อ ที่สามารถทำให้คุณท้อแท้จนไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจเลย
นี่คือ ความเชื่อผิดๆทั้ง 7 ข้อครับ
1. คุณต้องมีแผนธุรกิจเต็มรูปแบบ
โดยส่วนตัว ผมไม่ชอบแผนธุรกิจที่ดูอลังการ
ผมชอบแผนธุรกิจที่มันเรียบง่าย
สามารถบอกได้ว่าเงินจะมาจากช่องทางไหน
ระยะสั้นต้องการอะไร
ระยะยาวต้องการอะไร
และที่สำคัญวิธีวัดผลความสำเร็จและความก้าวหน้า
2. คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร
เอาจริงๆนะ ตอนผมเริ่มต้น ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้อย่างเดียวต้องหาเงินให้ได้
อีกอย่าง เวลาเป็นข้อพิสูจน์มาแล้วว่า มันไม่มีหรอกแผนการที่สามารถเดินตามได้แบบเป๊ะๆ
สิ่งที่คุณต้องรู้คือ วิธีการหรือไอเดียคร่าวๆที่จะพาคุณเดินไปข้างหน้า
ใช้พลังของความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดประโยชน์ เพราะความสำเร็จคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมาย
3. คุณต้องเริ่มต้นให้ถูกจังหวะเวลา
ไม่จริงอ่ะ… เวลาที่ดีที่สุดคือตอนนี้ เริ่มได้เลยแล้วค่อยดูฤกษ์นิมนต์พระมาทำบุญเปิดบริษัท
ถ้าดูประวัติของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเริ่มต้นตอนที่วิกฤติที่สุดด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่นิดเดียว แถมร่อแร่ทั้งชีวิตส่วนตัว การเงิน และความสัมพันธ์อีกต่างหาก
Microsoft ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1975 ช่วงปลายวิกฤติเศรษฐกิจ แต่นั่นไม่ได้หยุดยั้งพวกเขาแม้แต่น้อย
4. คุณต้องมีเงินเยอะๆตอนเริ่มต้น
ผมเองเริ่มต้น (อีกครั้ง) ตอนเหลือเงินติดตัวแค่ 3,500 บาท และเริ่มต้นจากตรงนั้น
มันมีหลายวิธีที่คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ
วิธีง่ายๆคือ ทดสอบตลาดก่อนทุ่มสุดตัว แน่นอนว่าใครๆก็อยากเห็นผลลัพธ์เร็วๆ
แต่สิ่งที่คุณอยากเห็นคือการเติบโตแบบยั่งยืนมากกว่า
ผมขอแนะนำหนังสือ Lean Startup และแนะนำให้พยายามอ่านภาษาอังกฤษ
แค่อ่านก็ยิ่งกว่าเพียงพอแล้ว…
5. คุณต้องจ้างพนักงาน
จ้างพนักงานเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมนึกถึง เพราะเครื่องมืออำนวยความสะดวกมีมากมาย
ทุกวันนี้ผมยังไม่มีพนักงานประจำเลยแม้แต่คนเดียว (ยกเว้นตัวผมเอง เพราะผมให้เงินเดือนตัวเอง ไล่ออกได้ทุกเมื่อ :D)
คำว่า ‘พนักงาน’ แปลว่า ต้นทุน ซึ่งถ้าไม่สามารถสร้างรายได้ จะกลายเป็นต้นทุนที่คุณจะต้องกัดฟันแบกเอาไว้และจะทำให้คุณเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก และความสุขส่วนตัว
ถามว่าพนักงานผิดไหม? คำตอบคือ ไม่ผิด!! เพราะคุณเลือกที่จะจ้างเขาเข้ามาเอง
ในช่วงเริ่มต้น แทนที่จะด่วนจ้างพนักงาน ผมแนะนำให้ Outsource จะดีกว่า แต่ถ้าวันนึงรายได้คุณเข้ามาเยอะมากพอ คุณเริ่มคิดจะขยายขนาด เชิญเต็มที่เลยครับ
6. คุณต้องทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน
ใช่ครับ… งานของเจ้าของธุรกิจไม่มีวันหมด แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำทุกอย่างให้จบภายในวันเดียว
ตอนเริ่มต้นคุณต้องทำงานหนักอยู่แล้ว แต่ถ้าทำจนพลังหมดและล้มป่วย ทุกอย่างที่พยายามมาจะสะดุดเอา
สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ คุณไม่ต้องทำงานหนักแข่งกับ 7-11 เพื่อการันตีความสำเร็จในธุรกิจ เพราะความสำเร็จคือสมดุลระหว่างทำงานและใช้ชีวิต
คุณต้องพักผ่อนเพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เคลื่อนไหวเยอะๆ (อันนี้บอกตัวผมเองด้วย) และอย่าลืมสนุกบ้าง
7. คุณต้องทำมันทุกอย่าง
ข้อนี้อาจจะดูค้านกับข้อที่บอกเรื่องการจ้างพนักงานเล็กน้อย
แต่ความจริงแล้วคุณไม่ต้องทำทุกอย่างในธุรกิจของคุณ
มันสำคัญมากที่คุณจะต้องเรียนรู้วิธีแจกจ่ายงาน ไม่ว่าจะใช้ Freelance หรือเครื่องมือต่างๆ
การทำมันทุกอย่างด้วยตัวเอง หมายความว่าคุณกำลังทำร้ายตัวเองอยู่ และเป็นข้อผิดพลาดที่พบได้ทั่วไปในหมู่เจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น
OHMPIANG,
เจษ
แรงบันดาลใจบทความจาก นิตยสาร Entrepreneur
ปล. วันที่ 22 พฤษภาคม 2016 ที่จะถึงนี้ผมจัดคอร์สเล็กๆแบ่งปันวิธีทำการตลาดอย่างง่ายสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่รับเพียง 80 ท่าน เรื่องที่ผมจะแบ่งปันเช่น
- วิธีที่ผมใช้เพิ่มผลลัพธ์ 258% ใน 14 วันแบบเป็นขั้นเป็นตอน
- กฏ 4 ข้อที่นักการตลาดทั่วโลกใช้ทำ Content Marketing
- เทคนิค Facebook Marketing ที่อนุญาติให้คุณทำเงินได้แม้จำนวน Like จะน้อยนิด
- วิธีที่ผมใช้เขียนบทความติงต๊องๆให้ลูกค้า แต่ผลลัพธ์คือยอดขาย 900,000 บาทในเวลาไม่ถึงเดือน