หลายต่อหลายครั้งในชีวิต คุณน่าจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่คำพูดดูจะไม่เพียงพอหรือไม่มีความหมายแม้แต่น้อย พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง พูดไปก็ไม่มีใครฟัง พูดไปก็มีแต่จะนำพาความวุ่นวายมาสู่ชีวิต
แต่คุณเคยหยุดแล้วคิดสักนิดไหม ว่าถ้าวันนี้คุณต้องแก้โจทย์ข้อหนึ่ง เป็นโจทย์ที่จะกำหนดอนาคตของคุณบนโลกใบนี้ ความสำเร็จ ความร่ำรวย และทุกอย่างที่คุณปรารถนาขึ้นอยู่กับคำตอบของคุณ คุณจะมีคำตอบสำหรับโจทย์นั้นว่าอย่างไร
โจทย์นั้นคือ “อะไรคือของขวัญที่มีค่ามากที่สุดที่คุณสามารถมอบให้คนอื่นได้?”
ผมจะบอกให้ว่ามันไม่ใช่สิ่งของ เงินทอง หรือวัตถุอะไรเลย มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ ที่ชื่อ “การรับฟัง” แต่ไม่ใช่การฟังให้ผ่านหูเหมือนที่คนส่วนใหญ่กำลังทำอยู่ มันคือการฟังโดยไม่มีความคิดเห็นหรือการตัดสินใดๆ
ตอนนี้ผมจะพาคุณย้อนเวลากลับไปที่นิวยอร์คช่วงปี 1960 บนถนนเต็มไปด้วยฝูงชนมหาศาลที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ถนนที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนขายของ เสียงพูดคุย เสียงรถ และเสียงรถไฟ
ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งนาม สตัดส์ เธอร์เคล นักข่าวที่ภายหลังได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในปี 1985 กำลังทำงานของเขาอยู่
สตัดส์ไม่ใช่นักข่าวทั่วไป เขามีวิธีการทำงานที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่พยายามหาข่าวเด็ดเรื่องต่อไปหรือพยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อหลอกล่อให้ผู้คนอ่านสิ่งที่เขาเขียน เขาโฟกัสในเรื่องที่ไม่มีนักข่าวคนไหนทำมาก่อน
เขาฟัง… เขาใช้เวลาฟังคนทั่วไป คนที่เดินไปเดินมาบนถนนในเมืองนิวยอร์ค คนที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในสังคม เขาตั้งใจฟังคนเหล่านั้น
ในหนังสือขายดีของเขา “Working” เขาเพียงแค่อนุญาตให้ผู้คนจากทุกแขนงอาชีพพูดเกี่ยวกับงาน ความฝัน ความหวัง และชีวิตในแต่ละวันของพวกเขา
เขาได้ไอเดียและเรื่องราวดีๆจากการฟังคนเหล่านั้นพูดถึงชีวิตของพวกเขา ไม่ใช่เพราะเขาถามคำถามเก่งหรือเป็นคนคุยเก่ง แต่เพราะเขาฟัง ตั้งใจฟัง ฟังโดยไม่มีอคติ ฟังโดยไม่มีความคิดเห็น เขาฟัง
ลองนึกภาพดูสิครับ ว่าคนเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร กับการที่อยู่ๆมีใครสักคนแคร์มากพอที่จะฟังเรื่องราวของพวกเขาโดยไม่ตัดสิน ในโลกที่ทุกคนล้วนต้องการพูดสิ่งที่อยู่ในใจ โลกที่ทุกคนต้องการให้โลกได้ยินความคิดเห็นของพวกเขา โลกที่หูที่พร้อมรับฟังกลายเป็นของหายาก
มันไม่ใช่แค่เธอร์เคลคนเดียวที่เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับการเป็นผู้ฟังที่แท้จริง เมอร์ริล สตรีป นักแสดงชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงแรกของอาชีพการแสดง เธอได้รับคำแนะนำจากนักแสดงมากประสบการณ์ เป็นคำแนะนำที่เธอจะไม่มีวันลืม
นักแสดงมากประสบการณ์คนนั้นบอกเธอว่า ความลับของการเป็นนักแสดงที่ดี ไม่ใช่การพูดหรือเล่นได้สมบทบาท แต่เป็นการตั้งใจฟังเพื่อนนักแสดงที่เข้าฉากด้วยกัน
เมอร์ริล สตรีปให้เครดิตความสำเร็จในฐานะนักแสดงของเธอแก่คำแนะนำที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งมากๆนี้ การเป็นผู้ฟังที่แท้จริงที่อยู่กับคนพูดจริงๆ ช่วยให้เธอสามารถถ่ายทอดความจริงใจและเชื่อมกับผู้ชมได้อย่างดีในทุกบทบาทที่เธอเล่น
คำถามคือ ทำไมการฟังโดยไม่ตัดสิน ไม่ตีความ ไม่พยายามหาความคิดเห็น ถึงทรงพลัง?
เมื่อใดก็ตามที่เราพยายามคิด พยายามหาความคิดเห็นใดๆ เพื่อตอบโต้ผู้พูดหรือทำให้ตัวเองดูฉลาด ใจเราไม่ได้อยู่ที่ผู้พูด ใจเราอยู่ที่ตัวเองหรือเรื่องอื่น และเราจะไม่ได้ยินสิ่งที่คนพูดต้องการจะพูด
การหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ตีความ ไม่ให้คิดสรรหาความเห็นใดๆ ไม่ว่าด้วยเจตนาใดก็ตาม คือการให้อิสระและให้พื้นที่อีกฝ่ายในการแสดงออกและเป็นตัวของเขาเอง มันคือของขวัญล้ำค่าเป็นพื้นที่ๆคนๆหนึ่งจะรู้สึกมีตัวตน ได้รับความใส่ใจ และรู้สึกมีคุณค่า
และทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาหรอ? พื้นที่ๆมีคนสนใจ ได้ยิน และได้ฟังในเรื่องที่เราพูด พื้นที่ปลอดภัยที่เราไม่ต้องคอยระวังการตัดสิน ตีความ หรือความเห็นของชาวบ้าน
ครั้งต่อไปที่ใครก็ตามเล่าหรือแบ่งปันโลกของเขาให้กับคุณ แค่อย่าลืมว่าของขวัญที่มีค่าที่สุด ที่เมตตาที่สุดที่คุณให้เขาได้คือ ฟังที่เขาเล่า ฟังโดยปราศจากเจตนาที่จะให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นหรือสอน ฟังโดยไม่ต้องวิเคราะห์ แต่เพื่อเข้าใจ อนุญาตให้คำพูดของเขาหลั่งไหลออกมา ให้เรื่องราวของเขาสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมา
ระหว่างที่ฟังแบบเงียบๆ ทำใจให้นิ่ง สงบ อบอุ่น ปราศจากการตัดสินหรือตีความใดๆ คุณกำลังมอบของขวัญที่ล้ำค่ำที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่เขา ของขวัญของการเข้าอกเข้าใจอย่างแท้จริง เอาให้สุด อย่าให้มีเศษเสี้ยวของการตัดสิน ตีความ หรือความคิดเห็นเจือปนเข้าไปให้ขุ่น
แม้ว่าหนังสือระดับตำนานหลายต่อหลายเล่มที่ผมแปลอย่าง The Science of Getting Rich, The Richest Man in Babylon, As a man Thinketh, The Power of Your Subconscious Mind และ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition จะพูดตรงกันว่า จักรวาลประกอบไปด้วยสสารและพลังงาน ซึ่งเรียนตามตรงผมเชื่อแบบไม่สงสัย เพราะมันเป็นเช่นนั้น
แต่ผมอยากจะขอเติมเสียงเล็กๆที่ดังขึ้นมาระหว่างเขียนบทความนี้ จักรวาลแห่งนี้สร้างจากอะตอมของสสาร คงอยู่ได้ด้วยพลังงาน แต่มีความหมายลึกซึ้งเพราะเรื่องราว
ทำไมไม่ให้เกียรติสิ่งที่ทำให้จักรวาลแห่งนี้มีความหมายด้วยการฟัง ฟังแบบไม่ต้องมีข้อคิดเห็น ฟังแบบไม่ต้องมีคำตอบ ใครจะไปรู้ มันอาจเป็นเรื่องที่เมตตาที่สุดที่คุณเคยทำมาตลอดชีวิตเลยก็ได้