fbpx

หวังว่าจะสนุกกับบทความหรือ Podcast ตอนนี้นะครับ ถ้าชอบฟังหนังสือเสียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และพลังงาน คลิกที่นี่ เพื่อ Download แอป OHMPIANG ได้เลยครับ


3 เหตุผลสำคัญ ว่าถึงเวลากลับมาทบทวน “วิชาการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป” แล้ว

  • Home
  • /
  • Podcast
  • /
  • Motivation
  • /
  • 3 เหตุผลสำคัญ ว่าถึงเวลากลับมาทบทวน “วิชาการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป” แล้ว
การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป

บทความนี้ผมแปลมาจากบทความของ James Clear ผู้เขียนหนังสือขายดีระดับโลก Atomic Habits ที่มียอดขาย 15 ล้านเล่มทั่วโลก

ในบทความเขาบอกว่า เราทุกคนล้วนมีเป้าหมายที่อยากไปถึง และถ้าเราเลือกได้ เราคงเลือกที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นอย่างรวดเร็ว ชนิดยิ่งเร็วยิ่งดี

มันไม่ผิดอะไรที่ใครบางคนต้องการถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แต่ความกระเหี้ยนกระหือรือที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ตอนนี้แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนใจกระบวนการ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองวิวทิวทัศน์ มันเป็นโทษมากกว่าประโยชน์

สื่อ สังคม คนรอบตัว กำลังอยู่ในจุดพีคของการบูชาผลลัพธ์วิบวับตระการตา (บ้านใหญ่โต รถหรูหรา ไลฟ์สไตล์ 5 ดาว ความสำเร็จเลิศเลอ) และมันง่ายจนเป็นเรื่องอันตรายที่ใครคนหนึ่งจะคิดว่า สิ่งเหล่านั้นคือตัวกำหนดตัวตนของเรา ไม่ใช่การดิ้นรนและการเดินทางเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

ถ้าคุณต้องการเวทีในการแสดงศักยภาพและความสามารถ ถ้าคุณต้องการเป็นคนที่ดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้น ได้เวลาหันกลับมาทบทวน “วิชาการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป” แล้ว

และนี่คือเหตุผล…

บทเรียนอันน่าทึ่ง จากชีวิตของนักกีฬายกน้ำหนักชาวจีน

เมื่อวาน ผมอ่านบทความน่าสนใจบทความหนึ่ง เกี่ยวกับวินัยและกระบวนการที่ประเทศจีนเลือกใช้ในการฝึกและปั้นนักกีฬายกน้ำหนักเพื่อการแข่งโอลิมปิก (เผื่อคุณไม่รู้ ประเทศจีนจริงจังมากกับกีฬายกน้ำหนัก)

ต่อไปนี้คือกระบวนการที่จีนใช้ปั้นนักกีฬายกน้ำหนักหนึ่งคน

อายุ 6+ ปี

เน้นเล่นยิมนาสติกและออกกำลังกายแบบบอดี้เวท เพื่อช่วยให้นักกีฬาเข้าใจร่างกายของตัวเองดีขึ้น และฝึกความสัมพันธ์ของอวัยวะและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ มันสำคัญมากที่ต้องเน้นให้นักกีฬาสนุกกับการฝึกฝน พวกเขาใช้คำว่ากิจกรรมมากกว่าคำว่าการฝึก ทีมงานจะค่อยๆสอดแทรกเทคนิคต่างๆเข้าไปในกิจกรรม และค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นขึ้น

อายุ 8 – 10 ปี

ส่วนใหญ่แล้วจะยังคงให้เด็กๆเล่นสนุกในกิจกรรมเน้นการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนต่างๆอยู่ แต่ 10-30% ของกิจกรรมนั้นจะโฟกัสการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการยกน้ำหนักอย่างการดึงหรือสควอต กระบวนการนี้ใช้เวลา 18 เดือนซึ่งหลังจบกระบวนการ เด็กๆจะซึมซับเทคนิคต่างๆเข้าไปโดยอัตโนมัติ และพร้อมเริ่มเล่นกับบาร์ยกน้ำหนักแล้ว

อายุ 10 – 14 ปี

ตั้งแต่ช่วงอายุนี้ เวลาการฝึกจะเพิ่มขึ้นและเข้มข้นมากขึ้น พวกเขาเริ่มฝึกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกีฬายกน้ำหนัก ฝึกท่าสแนทซ์ ท่าคลีนแอนด์เจอร์ค ดึงข้อและ overhead squats เดินเป็ด และกระโดดกบ รวมไปถึงการ stretching มหาศาลที่ไม่ต้องเสียเวลานับ

อายุ 14+ ปี

ตอนนี้นักกีฬาเริ่มโฟกัสความท้าทายเฉพาะตัวของพวกเขาได้แล้ว และจะเริ่มการฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่น พลัง ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และเทคนิค ตอนนี้นักกีฬาผ่านการฝึกฝนมา 5-7 ปีแล้ว รวมอีกอย่างน้อยๆ 3 ปีที่เริ่มฝึกกับบาร์ 4 ปีนับจากวันที่พวกเขาอายุ 14 พวกเขาจะเริ่มฝึกฝนเพื่อตำแหน่งในทีมชาติเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศเข้าแข่งกีฬาโอลิมปิก

—Kirksman, ที่มาของบทความ

มันมีบทเรียนสำคัญมากๆในเรื่องนี้ และเป็นบทเรียนว่าด้วยพลังของการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป

1. การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป สอนให้คุณเชื่อในตัวเอง

ในบรรดาทักษะที่สามารถช่วยให้คุณ บรรลุเป้าหมาย ได้ ผมให้ “ความเชื่อที่คุณมีให้ตัวเอง” เป็นทักษะที่สำคัญที่สุด

ซึ่งผมรู้เพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถฝึกฝนทักษะนี้ได้ นั่นคือ พิสูจน์ความสามารถและคุณค่าของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความสำเร็จและชัยชนะเล็กๆ

คุณคิดว่านักกีฬายกน้ำหนักชาวจีนที่ผ่านการฝึกฝนแบบนั้นจะเชื่อในตัวเองไหม? แน่นอนพวกเขาเชื่อ! เพราะตอนที่พวกเขาอายุ 12 ปีพวกเขาผ่านการฝึกฝนในกีฬานี้ มากกว่าที่คนส่วนใหญ่บนโลกเคยฝึกมาตลอดชีวิตแล้ว

ที่สำคัญ พวกเขาไม่ได้เริ่มโฟกัสที่เป้าหมายหรือผลลัพธ์เลย จนกระทั่งพวกเขาเริ่มสบายใจและภูมิใจกับร่างกายของตัวเอง และเริ่มรู้สึกเชื่อในตัวตนของตัวเอง

มันไม่มีเคล็ดลับอะไรในเรื่องนี้ ถ้าคุณต้องการความสำเร็จ คุณต้องเชื่อในตัวเอง การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปอนุญาตให้คุณใช้เวลา “สร้างบุคลิกของผู้ชนะก่อน” จากนั้นค่อยว่ากันเรื่องผลลัพธ์และผลงาน

2. การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ช่วยลดความกดดันและเปิดทางให้ทำตาม Passion

ทำงานหนักเพื่อบางอย่างที่เชื่อคือ Passion ทำงานหนักในสิ่งที่เราไม่เชื่อคือ ความเครียด
– Simon Sinek

ในตอนเริ่มต้น เป้าหมายเดียวของจีนคือ ความสนุกของนักกีฬา พวกเขาต้องการให้นักกีฬาสนุกกับกิจกรรมและการฝึกฝนเพื่อเป็นนักกีฬา

คุณลองคิดดูสิครับว่า ผลลัพธ์มันจะแตกต่างขนาดไหนกับกระบวนการที่เราเจอกันทั่วไป ครั้งสุดท้ายที่คุณใช้เวลา 3 ปีเพื่อสนุกกับกระบวนการเติบโตและพัฒนา ก่อนที่จะเริ่มโฟกัสเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ต้องการน่ะเมื่อไหร่?

ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นแบบไหนครับ? เรากระโดดไปตั้งเป้าหมายเลย เพราะเห็นชาวบ้านเขาทำ เขาเป็น เขามีกัน แถมแทนที่จะโฟกัสสนุกกับกระบวนการเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เราพุ่งตัวเข้าใส่เป้าหมาย (เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชน) และตัดสินใจว่า เราเป็นคนล้มเหลวเพราะคิดว่ามันไม่เกิดผลลัพธ์…

ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปแค่ไหนถ้าเราอนุญาตให้ตัวเองสนุกกับการเดินทางมากพอๆกับผลลัพธ์? อย่าลืมว่าผลลัพธ์ที่เราวาดฝันไว้ วันที่ไปถึงอาจไม่ได้หน้าตาแบบนั้นก็ได้

ถ้าคุณคิดถึงกิจกรรมที่สนุกที่สุดในชีวิต มันเริ่มต้นได้อย่างไรครับ? ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่การวู่วามกระโดดเข้าใส่แล้วสนุกเลย ผมมั่นใจว่าคุณเริ่มจากการสำรวจ หาข้อมูล และค่อยๆก้าวเดินไปทีละก้าว ค่อยๆเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เริ่มจากความสงสัยใคร่รู้ และจบที่ Passion

เลิกคิดถึงผลลัพธ์ก่อนครับ อนุญาตให้ตัวเองสนุกกับการได้เป็นคนที่เก่งขึ้นและดีขึ้นในทุกๆวัน อนุญาติให้ตัวเองสนุกกับการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่

3. การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป สอนให้รู้ว่า ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ

มันง่ายมากที่จะให้ราคาเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นสูงเกินไป และให้คุณค่าการฝึกตัดสินใจให้ดีขึ้นสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละวันต่ำไป

เกือบทุกอุปนิสัยที่เรามี ไม่ว่าดีหรือร้าย คือผลลัพธ์ของการสะสมการตัดสินใจเล็กๆนับไม่ถ้วนตลอดชีวิตของเรา

ถ้าประโยคข้างบนเป็นความจริง ถ้าปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือผลลัพธ์ของการตัดสินใจนับพันๆครั้งที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของคุณ มันจะไม่สมเหตุสมผลหรอที่จะบอกว่า หนทางสู่ความสำเร็จ ความสุข ความสงบ สุขภาพที่ดี หรืออะไรก็ตามแต่ที่คุณต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจนับพัน นับหมื่น ครั้งในทุกๆวัน?

แต่ก็อีกน่ะแหละ มันน่าทึ่งที่เราลืมเรื่องนี้กันง่ายมาก เมื่อเราเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิต เราลงมือทำแบบคาดหวังเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตบางอย่าง แทนที่จะโฟกัสไปที่การตัดสินใจในแต่ละวันให้ดีขึ้น

เมื่อเราหมกมุ่นกับการเห็นผลลัพธ์บางอย่างเร็วเกินไป สิ่งเดียวที่เราคิดคือ วิธีไปถึงเป้าหมาย แต่คุณค่าของการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปคือ การอนุญาตให้ตัวเองได้รู้ว่ากระบวนสู่เป้าหมาย สำคัญไม่แพ้เป้าหมาย ไม่สำคัญว่าท้ายที่สุดคุณจะไปถึงเป้าหมายนั้นไหม

ผมกล้าพูดว่า ไม่ว่าคุณจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ วิธีที่คุณใช้เพื่อไปถึงเป้าหมาย สำคัญกว่าตัวเป้าหมาย

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

ความเป็นผู้นำไม่ได้ถูกกำหนดโดยตำแหน่ง หรือการชนะการเลือกตั้ง หรือการได้เลื่อนขั้น ความเป็นผู้นำหมายถึงการคอยสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน มันคือการดูแลพนักงานหรือลูกน้องในขณะที่ไม่มีใครทำ มันคือการถามคำถามที่สำคัญเป็นคนแรก ลงมือทำแม้ไม่มีใครเห็น และยอมเสียสละเพื่อบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าความต้องการของตัวเอง

มันคือการตัดสินใจที่ดีขึ้นสำหรับทุกเรื่องในทุกวัน

มันคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง

ความปรารถนาที่จะได้ผลลัพธ์เร็วๆ ไปถึงเป้าหมายเร็วๆ กำลังหลอกให้คุณคิดว่าผลลัพธ์นั้นคือรางวัลที่แท้จริง มันไม่ใช่แบบนั้น การเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปสอนให้คุณได้รู้ความจริง…

ความจริงที่ว่า การเติบโตเพื่อเป็นคนแบบที่คุณต้องการ คนที่มาตรฐานสูง คนที่เชื่อมั่นในตัวเอง คนที่เป็นที่พึ่งพาของทุกคนที่เขารัก เกิดจากการตัดสินใจและกระบวนการในแต่ละวัน มันคือการเดินทาง มันไม่ใช่จุดหมายปลายทาง

หยุดบูชาเอาคนรวย คนดัง คนมีชื่อเสียง คนที่มีผู้ติดตามเยอะๆไว้บนหิ้งและวิ่งไล่ตามแบบขาดสติ สิ่งที่เราเห็นคือภาพที่เขาอยากให้เราเห็น เราไม่รู้ว่าในแต่ละวันเขาผ่านอะไรมาและใช้ชีวิตแบบไหน จากนั้นเริ่มเรียนรู้จากคนที่ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ คนที่เป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากทำตาม

ไม่สำคัญว่าคุณชนะใคร ไม่สำคัญด้วยซ้ำว่าคุณชนะหรือแพ้ มันสำคัญว่าคุณชนะอย่างไร

OHMPIANG
ธีระธรณ์ จิรธนัยโรจน์

ที่มา: https://jamesclear.com/slow-growth


แชร์ให้คนที่คุณรัก:


{"email":"Email address invalid","url":"Website address invalid","required":"Required field missing"}
>