กาลเวลาและจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกที่ให้เครดิตหนังสือ Think and Grow Rich ว่าอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขาคือเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า หลักการของความสำเร็จ ทุกข้อในหนังสือ Think and Grow Rich สำคัญพอๆกัน
แถมตัวนโปเลียน ฮิลล์ยังมีบอกใบ้กลายๆในเวอร์ชั่นแรกสุดเลยของเขาที่เป็นต้นฉบับของ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition ว่า “ถ้าต้องการความสำเร็จแบบสะท้านฟ้าสะเทือนดิน คุณต้องโฟกัสทำทุกข้อ ไม่ใช่เลือกลงมือทำตามเฉพาะข้อที่ชอบหรือถนัด”
แต่กระนั้นเองก็เถอะ มีหลักการของความสำเร็จอยู่ข้อหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าเป็นข้อที่ถูกมองข้ามมากที่สุด และเข้าใจผิดมากที่สุด จากประสบการณ์ตรงและคำใบ้จำนวนมากในหนังสือแล้ว มันคือข้อที่สำคัญที่สุด หลักการข้อนั้นคือ “Master Mind”
ไม่ต้องมองที่ไหนไกล ตัวผมเองที่มีส่วนร่วมในการแปลหนังสือระดับตำนานเล่มนี้ 2 ครั้ง ยังเพิ่งเข้าใจและเริ่มจะเห็นเสี้ยวหนึ่งของพลังที่แท้จริงของหลักการนี้ หลังจากจัด Master Mind Meeting ทุกอาทิตย์มาแล้วครึ่งปี
ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ Think and Grow Rich จบเมื่อตอนอายุ 25 ปี Master Mind เป็นบทที่ผมอ่านผ่านๆ เพราะ “เข้าใจ Concept” อยู่แล้ว มันไม่ได้ดูสำคัญอะไรเท่าไหร่
ครั้งที่สองที่ผมได้กลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็ตอนที่แปลเป็นหนังสือ “ความรวยนั้นฟรี” ราวๆปี 2012 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเน้นสรุปความให้เข้าใจได้ง่ายๆ และเป็นอีกครั้งที่หลักการ Master Mind ไม่ได้รับแสงสปอตไลท์เท่าๆกับหลักการน่าตื่นเต้นข้ออื่น
ครั้งที่สามที่ผมได้กลับมาอ่านหนังสือ Think and Grow Rich อีกครั้งคือตอนต้นปี 2022 แรกเริ่มมันเป็นเพียงไอเดียที่ผุดขึ้นมาในใจระหว่างแปลหนังสือ The Power of Your Subconscious Mind ว่า “ต้องกลับไปอ่าน Think and Grow Rich อีกรอบ แต่คราวนี้ต้องตั้งใจอ่านดีๆ” ยังไม่มีความตั้งใจที่จะแปลอีกรอบแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงแค่เมล็ดพันธุ์ของไอเดียที่มาจากไหนก็ไม่รู้
หลังจากแปล The Power of Your Subconscious Mind จบ ผมไม่ได้พุ่งตัวไปอ่าน Think and Grow Rich ในทันที อันที่จริงผมลืมความคิดนั้นไปเลยด้วยซ้ำ เพราะมัววุ่นกับภารกิจอื่น แต่ถ้าอะไรมันถูกกำหนดมาแล้ว มันก็ถูกกำหนดมาแล้ว เพราะสุดท้ายด้วยเหตุบังเอิญหรือสวรรค์บันดาลใจ ผมก็ได้กลับมานั่งอ่าน Think and Grow Rich อีกครั้ง
ผมจำไม่ได้ว่าเคยเขียนในบทส่งท้ายหนังสือเล่มไหนว่า ข้อแตกต่างที่ผมใช้แยกหนังสือระดับตำนานกับหนังสือทั่วๆไปคือ หนังสือระดับตำนานเป็นหนังสือมีชีวิต หนังสือมีชีวิตที่เนื้อหาเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เราหยิบขึ้นมาอ่าน หนังสือมีชีวิตที่เติบโตไปพร้อมกับเรา และมีคำตอบให้ทุกครั้งที่เราต้องการ ในทุกช่วงเวลาที่เราต้องการ
Think and Grow Rich เป็นหนังสือมีชีวิตประเภทนั้น เพราะมันไม่ใช่หนังสือเล่มเดิมที่ผมเคยอ่าน ทุกอย่างดูเป็นเรื่องใหม่ เนื้อหาก็ทันสมัยราวกับนโปเลียน ฮิลล์เพิ่งเขียนเมื่อวาน เรียกได้ว่าผมได้รับการเปิดโลกครั้งใหญ่จากหนังสือเล่มเดิมที่เคยผ่านมือผมมาแล้วทั้งในฐานะนักอ่านและนักแปล แต่ท่ามกลาง effect แสงสีทองวิบวับทุกครั้งที่พลิกหน้ากระดาษ มีหลักการของความสำเร็จข้อหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นผิดหูผิดตา หลักการนั้นคือ Master Mind
อย่างที่ผมได้สารภาพไปตั้งแต่ต้นบทความ Master Mind เป็นหลักการที่แม้แต่ผมเองยังมองข้ามเพราะคิดไปเองว่า “เข้าใจ concept แล้ว” แต่คราวนี้ หลักการของความสำเร็จข้อนี้กลับเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจของผมแบบสลัดไม่หลุด ตั้งแต่เริ่มเปิดอ่านทบทวนหน้าแรกจนจบ ไปจนถึงตัดสินใจแปลแบบจัดเต็ม ยาวจนถึงก่อนจะเริ่มลงมือทำตามหลักการ Master Mind แบบจริงๆจังๆ 3 เดือนหลังหนังสือชุดแรกถึงมือลูกค้าด้วยการจัด Meeting ตามในหนังสือบอกเป๊ะๆ
ผมอยากจะบอกท่านว่า อันที่จริงสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจแปลหนังสือระดับตำนาน Think and Grow Rich ให้เกิดเป็น OHMPIANG Edition ทั้งๆที่ตัวเองมีชื่อในฐานะผู้แปลมาแล้วครั้งหนึ่งคือ ผมรู้สึกว่าหลักการ Master Mind มีคำตอบบางอย่างที่ผมตามหามานาน ที่ตอนนั้นผมเองก็บอกไม่ได้ แต่ตอนนี้มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแล้ว
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น… ให้ผมเล่าให้ฟังว่า หลักการ Master Mind คืออะไร และทำไมผมถึงอินจนตัดสินใจแปลเพื่อค้นหาความลับเบื้องหลังหลักการข้อนี้
Master Mind คืออะไร?
ผมขอเล่าให้ฟังเป็นช็อตๆ ว่ารอบนี้ผมเอ๊ะตรงไหนบ้าง ซึ่งมันแปลกมากที่ครั้งก่อนๆผมไม่ได้มีความอินหรือเอ๊ะหรืออะไรกับมันเลย แต่ถ้าอ่านดีๆ นโปเลียน ฮิลล์มีบอกใบ้เกี่ยวกับหลักการ Master Mind เกือบทั้งเล่ม เพราะเริ่มเล่มมาก็มีคำใบ้เลยว่า
“หลังจากวิเคราะห์คนที่ประสบความสำเร็จนับร้อยคนด้วยตัวเอง นโปเลียน ฮิลล์ ค้นพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ล้วนมีนิสัยชอบ ‘รวมกลุ่มคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย’ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเจอปัญหาที่ต้องการทางออก พวกเขาจะรวมกลุ่มกัน นั่งลง พูดคุย ออกความเห็น และแลกเปลี่ยนไอเดียอย่างอิสระ จนกระทั่งพวกเขาค้นพบสิ่งที่ต้องการจากการระดมไอเดียร่วมกัน คุณในฐานะผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการนำหลักการ Master Mind ไปใช้”
ประโยคนี้เอ๊ะแรกว่า Master Mind คือการรวมกลุ่มคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย เมื่อคนสำเร็จต้องการคำตอบ พวกเขาจะรวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียอย่างอิสระจนได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
ถัดจากนั้นไม่กี่หน้า วูดโรว์ วิลสัน อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเขียนยกย่องนโปเลียน ฮิลล์ว่า
“ผมขอไม่แสดงความยินดีกับคุณในเรื่องของความอดทนและความมุ่งมั่น เพราะใครก็ตามที่ยอมลงทุนลงแรงสละเวลาเช่นนี้ ย่อมต้องค้นพบสิ่งที่จะเป็นคุณค่ามหาศาลต่อผู้อื่นอย่างยิ่ง สิ่งที่ผมอยากแสดงความยินดีและประทับใจมากคือ ความเข้าใจและการตีความหลักการ Master Mind ที่คุณอธิบายไว้อย่างละเอียดชัดเจนในหนังสือ”
ประโยคนี้คือเอ๊ะที่สอง เพราะหลักการ Master Mind เป็นหลักการเดียวที่ผู้ให้คำนิยมหนังสือเล่มนี้พูดถึง ส่วนใหญ่จะพูดรวมๆกล่าวชื่นชม หลักการของความสำเร็จทั้ง 13 ข้อ
พอมาถึงบทว่าด้วยหลักการ Master Mind อันนี้เอ๊ะตัวใหญ่ๆเลย เพราะนโปเลียน ฮิลล์ มีคำใบ้สำคัญว่า
“เป็นไปไม่ได้ที่จิต 2 ดวงเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วจะไม่สร้างพลังงานที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ และมีความรู้สึกนึกคิดราวกับเป็นจิตดวงที่ 3”
แม่เจ้า… ผมบอกท่านเลยว่า ตอนที่แปลประโยคนี้จบผมตื่นเต้นมาก มันดูลี้ลับ มันดูเหนือโลก แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นความลี้ลับที่จับต้องได้ มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปสมัยที่เริ่มเป็นที่ปรึกษากลยุทธ์ธุรกิจและ Copywriter ใหม่ๆ ทุกวันผมกับภรรยาชอบเดินเล่นคุยงานกันรอบหมู่บ้าน และทุกวันผมจะได้ไอเดียดีๆที่ผุดขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ที่บ่อยครั้งรีบวิ่งกลับบ้านไปจดไอเดียเกือบไม่ทัน
ในหนังสือมีบอกด้วยว่าคนประสบความสำเร็จอย่างแอนดรูว์ คาร์เนกี้มีกลุ่ม Master Mind ที่ประกอบไปด้วยทีมงานกว่า 50 คนที่คอยอยู่ใกล้ตัวเขา ทุกคนมีจุดประสงค์ร่วมกันชัดเจน และที่สำคัญแอนดรูว์ คาร์เนกี้ยกความดีความชอบทุกประการที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ และความมั่งคั่งร่ำรวยของเขาให้ “พลัง” ที่เขาได้รับจากกลุ่ม Master Mind
ไม่ใช่แค่แอนดรูว์ คาร์เนกี้เท่านั้นที่ให้เครดิต Master Mind โธมัส เอดิสัน เฮนรี่ ฟอร์ด และในบทความล่าสุดของผมริชาร์ด แบรนสัน ก็พูดเรื่องนี้ในบทสัมภาษณ์ของเขา
>> อ่านบทสัมภาษณ์ Sir Richard Branson ครูใหญ่ฟันธง ถ้าเอ็งไม่ติดคุก เอ็งก็เป็นมหาเศรษฐี
ศึกษาชีวประวัติของใครก็ได้ที่ร่ำรวยมหาศาล รวมไปถึงประวัติของคนที่ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน และท่านจะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอิทธิพลของกลุ่ม Master Mind ทั้งสิ้น ไม่ว่าดีหรือไม่ดี รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
องค์ประกอบของ Master Mind
จากที่ผมได้ขวนขวายหาข้อมูล รวมไปถึงนำหลักการข้อนี้ไปลงมือทำ ต่อไปนี้คือองค์ประกอบที่จำเป็นของ Master Mind
1. คนจำนวน 2 คนหรือมากกว่า (ถ้าจะใช้หลักการนี้คนเดียวต้องใช้ประสาทสัมผัสที่ 6 ซึ่งมีอธิบายอย่างละเอียดในหนังสือ)
2. คนกลุ่มนั้นต้องมีเป้าหมายเดียวกัน หรือกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีระดับพลังงานที่ใกล้เคียงกัน หรือมีความรู้และประสบการณ์ใกล้กัน
3. มีการกำหนดเป้าหมายของการคุยชัดเจน
4. ความสามัคคีในกลุ่มต้องแตะระดับ 100% ความขัดแย้งแม้แต่น้อยลดความสำเร็จของหลักการนี้
5. หัวใจที่เปิดกว้าง สมุดโน้ตข้างกายเตรียมจดไอเดียที่ผุดขึ้นมาทันที
6. เอาสมอง ตรรกะ การใช้เหตุผลไปเก็บ เพราะสิ่งที่มนุษย์ได้รับจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 เชื่อถือไม่ได้สำหรับปัญหาหรือทางออกที่ใช้สมองเค้นคำตอบมานานแล้วแต่ยังไม่เจอ
7. พันธสัญญาและวินัยในการนัดพบกันเพื่อพูดคุย
คำตอบคือ Master Mind
กระบวนการทั้งหมดที่ผมใช้ตั้งแต่เริ่มต้นแปลหนังสือ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition ไปจนถึงตีพิมพ์และส่งถึงมือลูกค้ากลุ่มแรกคือ 1 ปีเต็มๆ
ความสำเร็จในการแปลเวอร์ชั่นนี้ผมยกให้ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะศึกษาความลับของหลักการทั้ง 13 ข้อในหนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะข้อ Master Mind อย่างจริงจัง และถ่ายทอดออกมาในภาษาที่อ่านง่าย เต็มไปด้วยพลังงานและจิตวิญญาณตามสไตล์ของ OHMPIANG ที่ไม่ได้ต้องการแค่แปลให้จบๆ แต่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานมีชีวิตที่ Connect กับผู้อ่านในระดับพลังงาน ตรงนี้เองที่วิธีการในบทที่ 14 “ประสาทสัมผัสที่ 6” มีบทบาทสำคัญ
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมแปล ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ผมคิดว่าตัวเองแปลหนังสือ ผมรู้ว่ากำลังสร้างบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น บางอย่างที่ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีช่วงหนึ่งที่ผมติดตรงนี้จนต้องหยุดแปลไป 2 เดือนเพราะภาพมันไม่ชัดว่าไอ้บางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าหนังสือแปลมันคืออะไร
และแล้ววันหนึ่งตอนที่จิตผมนิ่ง สมองผมว่าง วันที่ผมทิ้งทุกอย่างจริงๆ เพื่อโฟกัสนั่งอ่านนิทานกับลูกชายที่ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าสร้างทุกอย่างเพื่อเขา แต่บ่อยครั้งที่ใช้งานเป็นข้ออ้างในการไม่ใช้เวลากับเขา คำตอบที่ผมต้องการก็ผุดขึ้นมาในจิต…
“คำตอบคือ Master Mind”
ประโยคง่ายๆ สั้นๆ ที่ดูไม่มีอะไรเลย “คำตอบคือ Master Mind” แต่มันมีความหมายมากๆสำหรับผมเพราะมันเป็นคำตอบที่ผมต้องการที่สุด
“คำตอบคือ Master Mind” ดังซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จนผมต้องขออนุญาตลูกชายเพื่อวิ่งไปจดประโยคนี้ก่อนที่เสียงนั้นจะหายไป “คำตอบคือ Master Mind”
หลังจากที่ลูกชายเข้านอน ผมตั้งสติทำจิตนิ่งๆ ถามตัวเองอีกครั้งว่า “บางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าหนังสือแปลที่เรากำลังสร้างจากการแปลหนังสือ Think and Grow Rich คืออะไร?”
เสียงที่บอกว่า “คำตอบคือ Master Mind” ดังขึ้นอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ผมถามต่อว่า “แล้วผมสามารถมอบคุณค่าที่แท้จริงของหนังสือเล่มนี้ให้ผู้อ่านชาวไทยที่ต้องการความลับในหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไรบ้าง?”
“คำตอบคือ Master Mind”
หลายต่อหลายคำถามที่ผมถามตัวเอง ทุกคำถามที่ผมตอบไม่ได้จนต้องหยุดทำงาน ผมได้คำตอบและมันเรียบง่าย “คำตอบคือ Master Mind”
วินาทีที่ผมแปลประโยคสุดท้ายของหนังสือเสร็จ ผมขนลุกไปทั้งตัว อีกครั้งที่คำถามดังขึ้นในใจว่า “ผมจะทำให้ประโยคสุดท้ายในหนังสืออมตะเล่มนี้เป็นจริงและจับต้องได้ได้อย่างไร?”
เช่นเคย “คำตอบคือ Master Mind” โอเคแหละ ผมเชื่อแล้ว เข้าใจแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเข้าใจความลับทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้หรือยัง ผมต้องการไปให้สุดและมีวิธีเดียวเท่านั้นนั่นคือ ลงมือทำ
ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ผมตัดสินใจทำตามทุกอย่างที่หนังสือแนะนำเกี่ยวกับหลักการ Master Mind ผมตัดสินใจตั้งกลุ่มศึกษาหนังสือ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition ขึ้นมา และนัดพบกันสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้
วันที่ผมเขียนบทความนี้ Master Mind Meeting ครั้งที่ 27 เพิ่งจบไป และผมมายืนยันกับท่านในฐานะคนๆหนึ่งที่กำลังเริ่มเข้าใจและเริ่มจะสัมผัสเสี้ยวหนึ่งของพลังที่แท้จริงของหลักการนี้ว่า “คำตอบคือ Master Mind” จริงๆ
ผมเห็นกับตาพลังของ Master Mind ที่ค่อยๆเปลี่ยนพลังงาน ชีวิตชีวา ความมั่นใจ และความสำเร็จของทุกคนที่สละเวลาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุย
ผมได้ยินกับหูเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้ามาพร้อมคำถาม และได้รับในสิ่งที่ต้องการ จากนั้นลงมือทำตามคำตอบที่ได้รับและได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ผมสัมผัสได้ด้วยตัวเองพลังของจิตดวงที่ 3 ในรูปแบบของไอเดียปิ๊งแว๊บมากมายที่ถาโถมเข้ามาตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับเพื่อนสมาชิก ไอเดียที่นำไปใช้ได้ทันที คำตอบของปัญหาเรื้อรังที่เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขา
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านปรารถนาหรืออธิษฐานสิ่งใด แต่การที่เราได้มาพบกันผ่านบทความนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และผมมีหน้าที่บอกต่อคำตอบสำคัญที่ผมได้รับจากหนังสือระดับตำนานที่สร้างเศรษฐีมาแล้วนับร้อยนับพันทั่วโลก
“คำตอบคือ Master Mind”
แด่ท่านที่ปรารถนาความก้าวหน้า ท่านที่ปรารถนาความสุข ท่านที่ปรารถนาความสำเร็จและร่ำรวย หนังสือเล่มนี้ยังมีความลับอีกมากรอคอยให้ท่านมาช่วยกันค้นหาในฐานะสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม Think and Grow Rich OHMPIANG Edition Master Mind
เงื่อนไขในการเข้าร่วมนั้นเรียบง่าย เป็นเจ้าของหนังสือ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition และอ่านให้จบอย่างน้อย 1 รอบ
ผมและสมาชิก Master Mind จะรอต้อนรับท่านทุกวันพฤหัส เวลา 19.30 น. ใน Google Meet
ขอส่งท้ายบทความนี้ด้วยประโยคของเอเมอร์สันผู้เป็นอมตะ “ถ้าเรามีบุญสัมพันธ์กัน เราจะได้พบกัน”
ขออวยพรให้ท่านโชคดี
OHMPIANG
ธีระธรณ์ จิรธนัยโรจน์
ปล. สั่งซื้อหนังสือ Think and Grow Rich OHMPIANG Edition ได้ที่ >> https://ohmpiang.com/think-and-grow-rich/ หรือคลิกเพื่อสั่งซื้อทาง Line Shop